ฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid Filler
ดูอ่อนกว่าวัยด้วยวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
ดูอ่อนกว่าวัยด้วยโครงหน้าที่ชัดเจนขึ้น แก้มอิ่ม ริมฝีปากอิ่มเอิบ บอกลาความเหนื่อยล้าใต้ตา การแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างปลอดภัยในขณะที่ดูเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์ของเราคือผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยคุณ! การฉีดฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนที่แผลเล็กที่สุด เห็นผลทันทีและอยู่ได้ยาวนานตั้งแต่ 12 ถึง 24 เดือน
แปลงโฉมทันทีโดยไม่ต้องพึ่งมีดผ่าตัด
นำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ Skinserity Clinic
- ดูเด็กขึ้น
- สวยอย่างธรรมชาติ
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ไม่ต้องผ่าตัด
ออกแบบความสวยด้วยฟิลเลอร์
เพิ่มความสมมาตรของใบหน้าและเพิ่มความมั่นใจ
ปรับิ้วรอยและเส้นรอบจมูกและปากให้เรียบขึ้น (marionette lines, nasolabial lines, smile lines)
เพิ่มปริมาตรของแก้มและขมับที่หย่อนคล้อย
เรามีการรักษาที่หลากหลาย
- Chin Augmentation
- Lip Augmentation
- Facial Contouring
- Eye Rejuvenation
- Temporal
- Forehead
- Mid-face
- Under Eye
- Cheek
- Nasolabial fold
- Lips
- Jaw definition
- Chin
- Skin Filler
- Size enhancement
บริการทั้งหมดภายใต้การวางแผนอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวเพื่อผลลัพท์ที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลถึงอันตรายต่อผิวหรือสุขภาพในอนาคต
ผลลัพท์หลังการฉีด
- ยกกระชับ/ปรับโครงสร้างใบหน้าทันที
- รอยเข็มเล็กๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ที่บริเวณฉีดยา
- ปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดไม่เกิน 3-5 วัน
- อาการบวมเล็กน้อยไม่เกิน 14 วัน
ปลอดภัยด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์แท้ ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติให้ Hyaluronic Acid เป็นสารที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองเพียงชนิดเดียว มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการแพทย์และความงาม
เมื่อฉีดแล้วสามารถละลายได้ 100% โดยไม่มีสารตกค้าง สามารถฉีดซ้ำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารตกค้าง
ในประเทศไทยมีฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid ที่ได้รับการรับรองจาก อย. อยู่หลายยี่ห้อ แพทย์ของเราจะประเมินและเลือกฟิลเลอร์ที่เป็น
ฟิลเลอร์ที่ Skinserity
นำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ Skinserity Clinic
อยากฉีดฟิลเลอร์ต้องรู้! ฟิลเลอร์ คืออะไร? ควรฉีดที่ไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์ได้กลายมาเป็นวิธีแก้ไขปัญหารูปหน้าและเติมเต็มใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์ที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้ เนื่องจากความสะดวก ง่ายดาย และมีความปลอดภัยเพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่มีการตกค้างใด ๆ
ฟิลเลอร์ คืออะไร?
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคที่มีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มข้อบกพร่องบริเวณใบหน้า เช่น ลดร่องแก้ม ลดริ้วรอย และเติมเต็มริมฝีปาก นอกจากนี้ ยังถูกนิยมใช้ในการฉีดเพื่อเพิ่มขนาดโหนกแก้มให้ใบหน้าดูมีมิติ ในกรณีที่ตาดูคล้ำเพราะร่องลึกรอบดวงตาฟิลเลอร์ก็สามารถแก้ไขได้ เรียกได้ว่าฟิลเลอร์มีประโยชน์มากมายในด้านความงาม
ประเภทฟิลเลอร์ที่นิยมมีอะไรบ้าง?
ฟิลเลอร์นั้น โดยทั่ว ๆ ไป สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler)
ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยมีอายุอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปี มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง และเป็นที่นิยมใช้มากในอุตสาหกรรมความงาม ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักเป็นสารในกลุ่ม Hyaluronic Acid หรือ HA ที่เรามักคุ้นหูกันนั่นเอง
ข้อดี
ข้อดีของฟิลเลอร์แบบชั่วคราว คือ สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย
ข้อเสีย
ด้วยความที่มันสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาตินี้เอง จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดนั้นไม่คงทนถาวร อาจทำให้ต้องเข้ารับการฉีดทุก ๆ 2 ปี หลังจากสารฟิลเลอร์ย่อยสลายไปแล้ว
2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent filler)
ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 2-5 ปี เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าแบบชั่วคราว ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักเป็นสารจำพวกแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Hydroxyapatite) ซึ่งมักใช้ในอุตสาหกรรมความงามในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย เพราะเหากเกิดผลข้างเคียง มักจะทำให้ยากต่อการรักษา
ข้อดี
สามารถอยู่ในร่างกายได้ยาวนานกว่าแบบชั่วคราว จึงไม่จำเป็นต้องไปฉีดบ่อย ๆ
ข้อเสีย
ฟิลเลอร์ประเภทนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะสามารถอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว แต่ในบางครั้งหากเกิดผลข้างเคียง มักจะทำการรักษาได้ยากกว่า และมีความปลอดภัยน้อยกว่า
3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler)
ฟิลเลอร์แบบถาวร เป็นฟิลเลอร์ที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมหรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และสามารถอยู่ในร่างกายได้อย่างคงทนถาวรหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้ โดยสารที่อยู่ในฟิลเลอร์แบบถาวร คือ สารจำพวกซิลิโคนหรือสารจำพวกพาราฟิน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่สามารถนำออกมาได้หมดได้หากต้องการแก้ไขในภายหลัง และทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์อาจเกิดการไหล ทำให้รูปหน้าผิดรูป
ข้อดี
อยู่ได้คงทนถาวร ฉีดครั้งเดียวก็สามารถอยู่ได้ตลอดไป
ข้อเสีย
ฟิลเลอร์ชนิดนี้มักจะส่งผลเสียในระยะยาว โดยอาจทำให้รูปหน้าเกิดการผิดรูปเนื่องจากฟิลเลอร์อาจไหลได้ อีกทั้งยังไม่สามารถนำออกจากร่างกายได้หมดในเคสที่ทำการผ่าตัดแก้ไขนำฟิลเลอร์ออกมา ทางวงการแพทย์และความงามจึงไม่แนะนำให้ฉีดสารฟิลเลอร์ประเภทนี้
ฉีดฟิลเลอร์ ที่ตำแหน่งไหนบ้างถึงสวยปัง?
การฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดได้หลายตำแหน่งซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ดังนี้
ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเหมาะสำหรับการใช้เพื่อแก้ไขปัญหากระดูกใต้ตาที่ยุบตัวลง ช่วยให้เนื้อผิวใต้ตาเต่งตึงและผิวหนังไม่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าดูเด็กลงและใต้ตาสดใสขึ้น
ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คางนั้นฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวและเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเสริมคาง ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น แถมยังสะดวกง่ายดาย และเห็นผลได้ไว
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกที่ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย เป็นการเติมเต็มริ้วรอยให้ดูอิ่มฟูและดูเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์ริมฝีปาก
ฟิลเลอร์ริมฝีปากนั้นใช้ฉีดสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางหรือมีริ้วรอยบริเวณขอบปาก ฟิลเลอร์ที่ฉีดในปากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับนั้นถือว่าเป็นจุดสำคัญในการปรับรูปหน้าให้สมส่วนมากขึ้น นิยมใช้สำหรับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
ฟิลเลอร์หน้าผาก
ฟิลเลอร์หน้าผากใช้ในการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากยุบและปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน เป็นที่นิยมในคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง และมอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูกนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีฐานจมูกอยู่แล้วและต้องการฉีดเพื่อปรับรูปหรือสันจมูกเพื่อให้ดูคมขึ้น
ข้อดีและข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์นั้น อาจจะเห็นว่าดูเหมือนมีช้อดีมากมาย และแน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นมีความปลอดภัย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีสิ่งที่ควรระวังด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- หลังการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ทันทีและไม่ต้องรอการฟื้นตัวในระยะเวลานาน
- ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น องค์การอาหารและยา ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่มีสารตกค้างในร่างกาย เนื่องจากสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
- การฉีดฟิลเลอร์จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ เนื่องจากไม่ต้องทำการผ่าตัด อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้นด้วย
- สามารถเติมเพิ่มได้เรื่อย ๆ และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ หากไม่ถูกใจสามารถฉีดสารสลายฟิลเลอร์ได้ แล้วฉีดใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
- การใช้ฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกว่าการใช้วิธีอื่น ๆในการเติมเต็มหรือปรับรูปหน้า
- เหมาะสำหรับการใช้ในตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และคาง
ข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์
- ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จะไม่อยู่ได้ในระยะยาว อาจต้องฉีดเพิ่มเติมเพื่อคงผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
- ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสำหรับบางตำแหน่งบนร่างกาย เช่น หน้าอกหรือสะโพก เนื่องจากการใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยอาจต้องใช้ปริมาณมากและมีราคาสูง
- ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเจอฟิลเลอร์ปลอม
- ระมัดระวังการใช้ฟิลเลอร์ปลอม เพราะไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้ตกค้างในร่างกายและอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
สำหรับคนที่สงสัยว่าฟิลเลอร์อันตรายไหม ก่อนอื่นควรทราบว่าฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ได้รับการยอมรับและถือว่าปลอดภัยที่สุดคือฟิลเลอร์ที่ประกอบด้วยกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)
องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติให้ใช้ Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีความปลอดภัยและนิยมใช้ในวงการแพทย์และด้านความงามอย่างแพร่หลาย
เมื่อฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid แล้ว สามารถสลายหมดไป 100% ในร่างกายโดยไม่มีสารตกค้างอยู่ในระบบร่างกายและสามารถฉีดซ้ำได้โดยไม่เป็นอันตราย
ในทางการแพทย์ ฟิลเลอร์ หมายถึง การฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้าให้ได้รูปสวยงาม ในต่างประเทศนั้น ฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
- HA (Hyaluronic Acid): เป็นฟิลเลอร์ประเภทที่มีความปลอดภัยที่สุดและใช้งานแพร่หลายทั่วโลก สามารถสลายจากร่างกายได้แบบสมบูรณ์
- คอลลาเจนจากสัตว์: ปัจจุบันไม่ได้นิยมใช้แล้วเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพ้และอาจทำให้เกิดอาการบวมแดงได้ง่าย
- การฉีดไขมัน: เป็นกระบวนการฉีดไขมันที่ถูกเอาออกมาจากร่างกายของผู้ฉีดเองแล้วฉีดกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการ มักเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดปริมาณมาก ๆ 10-20 ซีซี
- โพลีเมอร์ Biosynthetic: เป็นกลุ่มของซิลิโคนเหลวที่ไม่สลาย และไม่ถือว่าปลอดภัยและไม่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์
ในประเทศไทยนั้น ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้คือ Hyaluronic Acid ที่ผ่านมาตรฐานและได้รับการยอมรับ มีหลายยี่ห้อให้เลือก แพทย์จะประเมินและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ผู้ป่วยต้องการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
แน่นอนว่าการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะช่วยให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าปัญหาผิวและสภาพผิวหน้าที่เราต้องการแก้ไข จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือไม่ หรือควรใช้วิธีการอื่นจะเห็นผลมากกว่า นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่คงทนถาวร เพราะร่างกายสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น จึงควรพิจารณาด้วยว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะให้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่ หรือคุ้มค่าต่อการฉีดหรือเปล่า หรือควรใช้วิธีการอื่นในการรักษาที่อาจจะคุ้มค่ามากกว่า
เมื่อต้องการทำการฉีดฟิลเลอร์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ โดยต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรอง และคลินิกนั้นควรมีแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อให้การทำฉีดฟิลเลอร์เป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เพราะอะไร?
การเกิดก้อนที่บริเวณผิวหนังที่ฉีดหลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีดของแพทย์ และลักษณะกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดเข้าไป อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดก้อนหลังการฉีดฟิลเลอร์คือการขาดประสบการณ์ของแพทย์และเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณร่องแก้มและใต้ตามากที่สุด
วิธีดูฟิลเลอร์ของแท้เช็กยังไง?
การฉีดฟิลเลอร์แท้ (HA) ฟิลเลอร์จะสามารถย่อยสลายได้เอง 100% ในระยะเวลา 1-2 ปี และเพื่อความปลอดภัยจึงแนะนำว่าควรเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านมาตรฐานอย่างถูกต้องเท่านั้น
วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ควรเริ่มจากการศึกษาและสังเกตฟิลเลอร์แท้จากยี่ห้อต่าง ๆ เช่น
- สังเกตดูที่กล่องฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์แท้จะมีฉลากภาษาไทยและราคาที่ระบุอยู่บนกล่อง รวมถึงวันหมดอายุที่ระบุอยู่ข้างกล่อง สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน
- ห้ามซื้อฟิลเลอร์จากอินเตอร์เน็ตแล้วนำมาให้หมอเถื่อนหรือหมอกระเป๋าฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายจากอินเตอร์เน็ตไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัย ควรสงสัยก่อนว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งอาจก่อให้เกิดการตกค้างในร่างกายและก่อให้เกิดอันตรายได้
- ฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid สามารถฉีดสลายด้วยเอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ได้ 100% โดยเมื่อคนไข้ได้รับการฉีดสลายแล้ว ฟิลเลอร์จะเริ่มยุบตัวลงและละลายเป็นน้ำซึมไปตามผิวหนังได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ตกค้างหรือเกิดความเสี่ยง
- เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารควบคุม แพทย์จะไม่ยอมฉีดสารที่คนไข้นำมาเองเพื่อความปลอดภัยของคนไข้และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์ปลอมอาจเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและแสดงอาการต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น
- ฟิลเลอร์ตกค้างอยู่ในชั้นผิว หากฉีดสารเติมเต็มแบบถาวร เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานหลายปี สารเหล่านี้อาจเริ่มเคลื่อนตัวและสะสมกันเป็นก้อน ทำให้เกิดการอักเสบและผิวหนังยื่นออกมา
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ผิดรูป การฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจทำให้เกิดเนื้อตายหรือเกิดพังผืดบริเวณที่ฉีด
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดการติดเชื้อ อักเสบ และบวมแดง หลังการฉีดฟิลเลอร์ปลอม และอาจเป็นที่อาศัยของเชื้อโรค ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ และบวมแดงบริเวณที่ฉีด
ในกรณีที่ฟิลเลอร์ปลอมเกิดปัญหา ไม่สามารถฉีดสารเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ จะต้องมีการขูดออกหรือผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออกจากร่างกาย
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์
เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด การฉีดฟิลเลอร์มีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
- ขอคำปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินและแก้ไขปัญหาที่คุณต้องการจากการฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์จะแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับจุดที่ควรฉีด
- ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอางก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเปิดกล่องฟิลเลอร์เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้
- ประคบน้ำแข็ง เพื่อช่วยลดความเจ็บจากการฉีดเข็ม ฟิลเลอร์มียาชาผสมอยู่แล้วในเนื้อฟิลเลอร์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเอง เช่น การดื่มน้ำเยอะ ๆ หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด เพื่อให้ฟิลเลอร์มอบผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นานขึ้น
ฉีด filler แต่ละจุดใช้กี่ cc?
การใช้ปริมาณฟิลเลอร์ในการฉีดแต่ละจุดจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยดูจากความลึกของผิวและความต้องการของผู้รับการรักษา การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำได้เป็นจำนวนครั้งหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องฉีดเต็มปริมาณภายในครั้งเดียวเลย โดยปริมาณฟิลเลอร์ในแต่ละจุด มีดังนี้
- ฟิลเลอร์ขมับ 2-4 CC
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม 1-2 CC
- ฟิลเลอร์ปาก 1-2 CC
- ฟิลเลอร์คาง 1-2 CC
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-3 CC
- ฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 CC
- ฟิลเลอร์หน้าผาก 3-5 CC
คำแนะนำเหล่านี้เป็นแค่เกณฑ์ทั่วไปเท่านั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลอย่างแม่นยำกว่านี้ในแต่ละเคส
เตรียมตัวฉีดฟิลเลอร์ยังไงดี?
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ หากเราเตรียมตัวฉีดมาเป็นอย่างดีและเตรียมตัวมาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการ โดยการเตรียมตัวฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำได้ ดังนี้
2 อาทิตย์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกคลินิกที่ให้บริการอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน
- ศึกษาเทคนิคการทำและรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการหรือฉีดฟิลเลอร์มาก่อน
- ศึกษาอมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์และวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้ของแต่ละยี่ห้อเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในผลลัพธ์
1 อาทิตย์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์
- งดใช้ยาแอสไพรินและยาต้านการอักเสบ เช่น NSAIDs
- งดการบริโภควิตามิน อาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยึดไหลช้า
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวหรือครีมต้านสิว 3 วันก่อนการฉีด
- งดการสัมผัสผิวหน้าหรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองก่อนฉีดฟิลเลอร์ 3 วัน
- งดการเข้าคอร์สเลเซอร์หรือการนวดหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนการฉีด
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือยาที่ใช้อยู่เพื่อความปลอดภัยก่อนการฉีดฟิลเลอร์
4 ชั่วโมงก่อนการฉีดฟิลเลอร์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายหนัก
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไร?
ราคาการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดอาจแตกต่างกันไปตามยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ บางจุดอาจมีความยากและต้องใช้เทคนิคพิเศษในการฉีด นอกจากนี้ ราคาฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ต่อจุด โดยราคาเริ่มต้นของฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุด มีดังนี้
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,000 บาท
- ฟิลเลอร์คาง ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,900 บาท
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,900 บาท
- ฟิลเลอร์ปาก ราคาเริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท
- ฟิลเลอร์ขมับ ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,000 บาท
- ฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท
- ฟิลเลอร์จมูก ราคาเริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท
ฉีดฟิลเลอร์เลือกยังไง และฉีดที่ไหนดี?
การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับจุดที่ต้องการฉีด และไม่มีฟิลเลอร์ใดที่สามารถฉีดได้ทุกจุดและทุกสภาพผิว ดังนั้น จะเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในแต่ละเคส
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์แท้ให้เลือกใช้จากหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อก็มีรุ่นย่อยที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งในจุดที่ฉีด เวลาอยู่ภายในร่างกาย และความยาวของผลลัพธ์
ฟิลเลอร์จากสวีเดน:
- Restylane Perlane Lyft: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital Light: อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Vital: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Volyme: อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Defyne: อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Refyne: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Classic: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Kysse: อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฟิลเลอร์จากอเมริกา:
- Juvederm Ultra Plus: อยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Voluma: อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volbella: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volift: อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite: อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Volux: อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์:
- Belotero Intense: อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Volume: อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Revive: อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ที่ Skinserity ดียังไง?
คลินิก Skinserity เป็นคลินิกที่ความเชี่ยวชาญในการให้บริการฉีดฟิลเลอร์ให้กับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ โดยมีความสำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของการรักษา ทางคลินิกมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์และให้การประเมินอย่างถูกต้องและพิถีพิถันก่อนที่จะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ซึ่งสร้างความมั่นใจในผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ขั้นตอนการรักษา
วางแผนการรักษาส่วนตัวของคุณกับผู้เชี่ยวชาญของเรา
- ทำความสะอาดผิวของคุณ
- ทำเครื่องหมายบริเวณการรักษาของคุณ
- เลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์อย่างระมัดระวัง
- การฉีดฟิลเลอร์
- การดูแลหลังการส่วนตัวจากผู้เชี่ยวชาญของเรา
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
- รับประทานยาตามที่กำหนด (ถ้ามี)
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เข้มข้นภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- หากมีอาการบวมกรุณาใช้ถุงน้ำแข็งหรือแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีการเปลี่ยนสีหรืออักเสบ
รีวิวจากลูกค้าของเรา
มั่นใจด้วยรีวิวจากลูกค้าของเรา
ลูกค้าของเราคิดอย่างไร
จริงใจ อบอุ่น และปลอดภัย