เมโสหน้าใสคืออะไร?
Mesotherapy treatment เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก เป็นการรักษาโดยการฉีดสารสกัดจากธรรมชาติ โกรทแฟคเตอร์ โคเอนไซม์ และวิตามินเข้าสู่ผิวหนังในปริมาณเล็กน้อย
Mesotherapy, หรือที่เรียกว่า “การฟื้นฟูทางชีวภาพ” เป็นเทคนิคพิเศษที่ใช้ในการฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดเข้าผิวหนังด้วยการฉีดสารละลายวิตามินรวมและสารสกัดจากพืชธรรมชาติเข้าทางผิวหนังซึ่งสามารถปรับปรุงสัญญาณของอายุผิวได้
Mesotherapy เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบหากคุณไม่ต้องการทำศัลยกรรมและต้องการดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีโดยใช้การรักษาที่มีประสิทธิภาพจากพืชเพื่อบำรุงผิวของคุณจากภายใน ในการบำรุง รักษา และฟื้นฟูผิว ค็อกเทลเมโสเทอราปีทั่วไปอาจประกอบด้วยส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์จำนวนมาก การรักษามีข้อดีหลายประการ ดังนั้นจึงเป็นขั้นตอนความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง
ประโยชน์ของเมโสหน้าใส:
- ปรับปรุงสภาพผิว
- ให้วิตามินและสารอาหารอื่นๆ
- ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผิว
- ช่วยให้ให้ผิวชุ่มชื้น!
- ฟื้นฟูผมร่วง
ผลลัพท์หลังการฉีด
- ผิวดีขึ้น โกลว์ + กระจ่างใส ภายใน 1-3 วัน
- รอยเข็มเล็กๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ที่บริเวณฉีดยา
- ปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดไม่เกิน 3-5 วัน
- อาการบวมเล็กน้อยไม่เกิน 14 วัน
เมโสหน้าใสปลอดภัยไหม?
การฉีดเมโสไม่อันตรายเพราะส่วนผสมในเมโสประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติตามหลักธรรมชาติบำบัด ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของผิว การฉีดด้วยเมโสหน้าใส แท้ที่ผ่านมาตรฐานกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานจะปลอดภัยหายห่วง 100%
เมโสหน้าใสที่Skinserity
เราให้บริการเมโสเทอราพีทั้งแบบฉีดและไม่ฉีด
Meso Chanel Ultimate Therapy
- ฉีด MesoTherapy เข้า 12-18 จุดทั่วใบหน้าตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Meso Blink Therapy
- สูตรเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละรายตามประเภทผิวและปัญหาผิว MesoBlink เป็นหัตถการที่เกี่ยวกับการหยด MesoTherapy ลงบนผิวหนังชั้นนอกด้วยเข็มขนาดเล็กมาก ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นเลย
Meso Chanel Ultimate Therapy - 10800 บาท/ First Trial 8400 บาท
Meso Blink Therapy - 2400 บาท/ First Trial 1700 บาท
เมโสหน้าใสคืออะไร ดียังไง ทำไมใคร ๆ ก็ฉีด?
การฉีดเมโสหน้าใสได้กลายมาเป็นนวัตกรรมที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการมีผิวหน้าที่ดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการผลักวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อเร่งการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำเมโสหน้าใสมีประโยชน์สำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการดูแลตัวเองแบบละเอียด และต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในเร็ว ๆ นี้ การทำเมโสหน้าใสช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสและช่วยลดการอักเสบของผิว อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษที่ค้างตกค้างในผิวหน้า ลดผดผื่น และเสริมความแข็งแรงของผิวหน้า
ฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร?
เมโสหน้าใสหรือเมโสเทอราปี (Mesotherapy) เป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส โดยวิธีการนั้นจะเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กกว่าก้านดอกเข็มเพื่อฉีดสารลงสู่ผิว โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (ชั้น Meso) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ระหว่างผิวชั้นนอกและผิวชั้นในผ่านการฉีดวิตามิน คอลลาเจน สารต่อต้านอนุมูลอิาระ หรือสารบำรุงผิวอื่น ๆ ที่ผิวสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ดี
เมโสหน้าใสมอบผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทาครีมทั่วไป เพราะการทาครีมแบบทั่วไปสามารถบำรุงผิวในชั้นนอกเท่านั้น ไม่สามารถส่งผ่านสารบำรุงไปถึงชั้นผิวในได้อย่างล้ำลึก ดังนั้น การทำเมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่ดีในการบำรุงผิวหน้าให้มีความสดใสและฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึก ด้วยการส่งสารบำรุงผิวผ่านการฉีดเข้าสู่ชั้น Meso โดยตรง
เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการฉีดสารบำรุงและวิตามินเข้าไปในผิวชั้นกลาง เพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์ต่าง ๆ เช่น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว: เมโสหน้าใสช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยสารบำรุงที่ฉีดเข้าไปสามารถช่วยเพิ่มการกักเก็บความชุ่มชื่นในผิวได้ดี
- ผิวแข็งแรงและขับสารพิษ: เมโสหน้าใสช่วยกระตุ้นผิวให้แข็งแรงมากขึ้น และช่วยลดสารพิษที่อาจตกค้างในผิวหน้า ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นและปกป้องผิวจากสิ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
- ผิวหน้าขาวกระจ่างใส: การฉีดเมโสหน้าใสช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส ลดความเข้มของเม็ดสี แก้ไขปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
- ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ: เมโสหน้าใสช่วยลดปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยไปช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างสุขภาพผิวที่ดีขึ้น
- ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์: เมโสหน้าใสช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า
- ป้องกันริ้วรอย: เมโสหน้าใสช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่บนใบหน้า โดยกระตุ้นผลิตภายในผิวหน้าให้มีคอลลาเจนเพียงพอและสม่ำเสมอ
เมโสหน้าใสมีกี่แบบ?การฉีดเมโสหน้าใสสามารถฉีดได้ 2 แบบหลัก ๆ โดยทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
- วิธีนี้จะเป็นการใช้เข็มฉีดสะกิดเป็นจุดเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้นบริเวณใบหน้า เพื่อให้วิตามินและสารอาหารซึมเข้าสู่ผิวหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
- ข้อดี คือ เจ็บน้อย เนื่องจากเป็นการใช้เข็มสะกิดเบา ๆ ทั่วใบหน้า
- ข้อเสีย คือ ตัวยาอาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการฉีดแบบ 16 จุด
ฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
- วิธีการนี้จะเป็นการใช้การฉีดตัวยาตามทิศทางไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีและออกฤทธิ์นานกว่าการฉีดแบบสะกิด
- ข้อดี คือ สามารถลดรอยช้ำได้มากขึ้นและลดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้ดี
- ข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบสะกิด และอาจรู้สึกเจ็บกว่าแบบสะกิด เนื่องจากเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กและฉีดลงไปในชั้นผิวลึกประมาณ 5-10 มิลลิเมตร
ฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัยที่ใค รๆ ก็สามารถทำได้ โดยมอบคุณประโยชน์ในการดูแลผิวหน้า การฉีดเมโสเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำลงได้ง่าย เช่น ความเครียดหรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การถูกแสงแดดเผา หรือสภาพอากาศแห้ง ๆ อย่างในห้องแอร์
นอกจากนี้ การฉีดเมโสนั้นยังเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมบำรุงผิว หรือไม่มีเวลาดูแลผิวหน้า เพราะเป็นวิธีที่สามารถทำให้ผิวดูดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เวลาในการทาครีม
ฉีดเมโสหน้าใสอันตรายไหม?
การฉีดเมโสหน้าใสถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยเมื่อเลือกใช้บริการฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่มีมาตรฐานและใช้เมโสแท้ อันตรายที่อาจเกิดจากการฉีดเมโสหน้าใสมักเกิดจากการใช้ตัวยาที่ไม่มีมาตรฐานหรือการฉีดในคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโสหน้าใส แนะนำให้เลือกฉีดเมโสหน้าใสในคลินิกที่ให้บริการอย่างมีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ ห้ามฉีดในบริเวณที่มีรอยแผล และห้ามฉีดในกรณีที่มีการแพ้ต่อสาร
ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยเติมสารบำรุงสู่ผิวได้และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากผลลัพธ์ของการฉีดจะเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เต็มประสิทธิภาพ ควรฉีดอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
การฉีดเมโสหน้าใสจะทำให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นและช่วยให้เครื่องสำอางที่ใช้ติดทนมากขึ้น เมโสหน้าใสยังช่วยให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพผิวดีขึ้น ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสยังเห็นได้รวดเร็วกว่าการทาครีมอีกด้วย
ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส
ขณะทำการฉีดเมโสหน้าใส คุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่ามีเข็มสะกิดเล็ก ๆ เข้าผ่านผิวหนัง แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บหรืออันตรายใด ๆ หากเลือกใช้บริการคลินิกที่มีมาตรฐานที่มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและให้บริการอย่างปลอดภัย แพทย์จะเตรียมใบหน้าให้พร้อมและดำเนินการฉีดเมโสหน้าใสตามขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าและประคบน้ำแข็งไว้
- แพทย์จะฉีดเมโสหน้าใสให้ทั่วใบหน้าโดยใช้จุดฉีดประมาณ 10-20 จุด (ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
- กระบวนการฉีดจะใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บปวดมากเกินไป
- เมื่อเสร็จสิ้นการฉีดเมโสหน้าใส สามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ
- หลังจากการฉีดเมโสหน้าใส อาจมีความรู้สึก เช่น ระคายเคืองหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองในไม่ช้า
การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดเมโสหน้าใส
หากคุณต้องการฉีดเมโสอย่างปลอดภัยและไม่ต้องกังวลเรื่องเมโสหน้าใสปลอมที่ไม่มีคุณภาพ แนะนำให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
- เลือกที่จะรับบริการที่คลินิกที่มีมาตรฐานและมีใบอนุญาตเปิดกิจการตามมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ควรขอดูยี่ห้อยาก่อนที่จะทำการฉีดเมโสทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย
- แจ้งปัญหาที่ต้องการแก้ไขกับแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินและเลือกสูตรยาที่เหมาะสม
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว
- ควรมั่นใจว่าไม่ได้อยู่ในช่วงกำลังตั้งครรภ์หรือให้นม เพราะไม่ควรฉีดเมโสหน้าใสในช่วงนี้
หลังจากทำการฉีดเมโสหน้าใสแล้วจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น แพทย์จะมีคำแนะนำให้ปฏิบัติตามเพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสหน้าใสนั้นคงอยู่ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ไม่ควรนวดหรือกดทับผิวบริเวณที่ทำการฉีดในทันทีหลังการฉีด
- หากมีรอยแดงหรือบวมเกิดขึ้นที่บริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นบริเวณนั้นได้ภายใน 48 ชั่วโมงแรก และหลังจากนั้นสามารถประคบอุ่นตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการทาครีมหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ บนบริเวณรอยฉีดเมโสในช่วงคืนแรก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
ผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสหน้าใสมีอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดเมโสหน้าใสคือรอยแดงและอาการบวมในจุดที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้อาจปรากฏในระยะเวลา 2-3 วันหลังฉีดเมโสหน้าใส แต่พอตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหนังเต็มที่แล้ว รอยแดงและบวมจะลดลงและจางหายไปเอง
สำหรับบางคนอาจพบรอยช้ำที่ 2-3 วันหลังการฉีดแล้วก็ยังไม่หาย สำหรับกรณีนี้สามารถประคบเย็นได้
นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการผื่นซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบติดเชื้อ การแพ้ยา หรือผื่นแดงจากรอยเข็ม หากมีอาการผิดปกติที่เพิ่มขึ้น แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ฉีดเมโสหน้าใสยี่ห้อไหนดี มีกี่แบบ?
อย่างที่ได้บอกไปแล้วในข้างต้นว่าการฉีดเมโสหน้าใสนั้นฉีดได้ 2 แบบ คือ การฉีดแบบสะกิดและการฉีดแบบ 16 จุด เมื่อเลือกฉีดเมโสหน้าใส ยี่ห้อของเมโสและวิธีการเลือกฉีดจะขึ้นอยู่กับแต่ละเคส ซึ่งจะเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์หลังจากการประเมินสภาพผิว เมโสหน้าใสมี 4 ยี่ห้อหลัก ๆ ดังนี้
- มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen): เมโสหน้าใสที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้า เช่น ผื่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำที่มาจากมลภาวะหรือสารพิษที่ตกค้างในผิว
- Filorga: เมโสหน้าใสที่นำเข้าจากฝรั่งเศส เน้นการบำรุงผิวหน้าและช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว เริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำ
- Alpha arbutin: เมโสหน้าใสที่ช่วยลดฝ้าโดยตรงและช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้นทั้งหน้าและลดความเข้มของฝ้า
- Tensonez / Depigment: เมโสหน้าใสที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดฝ้าและช่วยให้ผิวหน้าขาวใสมากขึ้น
สรุปการฉีดเมโสหน้าใส ทำไมต้องฉีดเมโสที่ Skinserity?
การฉีดเมโสหน้าใสนั้นเรียกได้ว่าเป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกจากภายใน โดยแต่ละคลินิกอาจใช้ตัวยาที่แตกต่างกันไป คุณสมบัติหลักของเมโสหน้าใส คือ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดรอยดำที่เกิดจากสิว ปรับสมดุลความชุ่มชื้น: ช่วยลดความแห้งกร้าน และลดความมันส่วนเกิน ลดการอักเสบของผิว ช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง และเห็นผลอย่างชัดเจนมากขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
การฉีดเมโสหน้าใสที่ Skinserity คลินิกนั้นสร้างความมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากที่คลินิก Skinserity ให้บริการอย่างมีมาตรฐานและมีความปลอดภัย อีกทั้งยังใช้สารของแท้ที่ช่วยให้ผลลัพธ์เห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด
ขั้นตอนการรักษา
วางแผนการรักษาของคุณกับผู้เชี่ยวชาญของเรา
- ทำความสะอาดผิวที่ทำการรักษา
- การทำเครื่องหมายบริเวณที่ทำการรักษา
- การเลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง
- การฉีดเมโสเทอราพีจะฉีดในปริมาณเล็กน้อย 12-18 เม็ด โดยกระจายให้ทั่วใบหน้า
- ดูแลหลังการรักษาอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวด้วยทีมงานมืออาชีพของเรา
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง (หากคุณได้รับ)
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หากบวมให้ประคบเย็น
- แจ้งแพทย์/ทีมแพทย์ทันทีหากบริเวณที่ทำการรักษามีสีเปลี่ยนไปหรืออักเสบ
รีวิวจากลูกค้าของเรา
มั่นใจด้วยรีวิวจากลูกค้าของเรา
ลูกค้าของเราคิดอย่างไร
จริงใจ อบอุ่น และปลอดภัย