ตัวช่วยผิวใสเต่งตึง Skin Booster คืออะไร?
ผิวสวยกระจ่างใสคงเป็นผิวในฝันของทุกคน การมีผิวที่ดูใส เต่งตึง ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งกรรมพันธุ์ การดูแลตัวเอง และมลภาวะจากสภาพแวดล้อมภายนอก แต่สำหรับใครที่ต้องการผิวใสเต่งตึงแบบเร่งด่วน การทำวิตามินผิวช่วยได้
ฉีดวิตามินผิว (Skin Booster) คืออะไร?
วิตามินผิว หรือวิตามินผิว คือ การทำทรีทเมนต์บำรุงผิว โดยการเร่งและเป็นทางลัดในการนำสารอาหารที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารที่ซึมลงสู่ผิวได้ยากฉีดเข้าสู่ผิวโดยตรง และทำให้สารบำรุงเหล่านั้นออกฤทธิ์ไวมากยิ่งขึ้น
ฉีดวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Skin booster เป็นกระบวนการที่มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวของร่างกายจากสารพิษและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง จึงทำให้การทำวิตามินผิวนั้นเป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน การฉีดวิตามินผิวนั้นช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดการเกิดเม็ดสีเมลานินที่ส่งผลให้ผิวมีสีคล้ำ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และมีสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด
Skin booster ยังสามารถลดฝ้า กระ และแก้ปัญหารูขุมขนที่กว้างให้มีขนาดเล็กลงได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในผิวและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและประโยชน์มากมายทำให้การทำ skin booster เป็นวิธีการดูแลผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน
วิตามินผิวมีกี่แบบ?
Skin booster คือกระบวนการที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบ โดยแต่ละแบบมีความแตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ดังนี้
- ฉีดเพื่อหน้าขาวใส: การฉีดในรูปแบบนี้มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินต่าง ๆ หรือกลูต้า เป็นต้น โดยสารเหล่านี้เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและมีความขาวเปล่งปลั่ง โดยโฟกัสไปที่การกระตุ้นผิวให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีที่สว่างขึ้น ช่วยปรับสมดุลในผิว ทำให้ผิวดูมีเลือดฝาด ดูมีออร่า และช่วยให้ผิวผลิตเมลานินน้อยลง
- ฉีดเพื่อเน้นความหน้าใส: การฉีดวิตามินผิวแบบนี้มักมีส่วนผสมหลักคือคอลลาเจนและโคเอนไซม์ ที่มีความสำคัญในการฟื้นฟูและส่งเสริมการผลักสารบำรุงลงสู่ผิวให้รูขุมขนดูมีความกระชับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำให้ผิวดูเรียบเนียน ดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น
- ฉีดเพื่อเน้นลดสิว-แก้ผื่น: การฉีดในรูปแบบนี้จะเป็นการฉีดเพื่อเน้นลดการอักเสบและขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิวหนัง โดยคอลลาเจนที่มีอยู่ในการฉีดยังช่วยในการลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันในผิวหน้าที่เป็นสาเหตุของสิว ผลิตภัณฑ์วิตามินผิวที่มีคุณสมบัติด้านนี้คือ มาเด้-คอลลาเจน
ทำ skin booster อันตรายไหม?
การฉีดวิตามินผิวเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ในการบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้า สารสกัดที่ใช้ในวิตามินผิวเป็นวิตามินและสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงและเสริมเกราะป้องให้กับผิวหน้า การฉีดวิตามินผิวที่ได้รับการดูแลจากแพทย์ที่มีประสบการณ์และในคลินิกที่มีมาตรฐาน จะเป็นการฉีดที่ปลอดภัย 100% แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวังวิตามินผิวปลอมจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือวิตามินผิวที่ขายตามออนไลน์ต่าง ๆ เพราะการใช้วิตามินผิวปลอมอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่น หรืออาจเกิดอาการผิวบาง และการอักเสบที่ยากจะรักษาได้
แนะนำให้เลือกฉีดวิตามินผิวที่มีมาตรฐานและใช้สารสกัดที่มาจากแหล่งน่าเชื่อถือเท่านั้น และเพื่อความปลอดภัยในการใช้วิตามินผิว ควรศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า รวมถึงปรึกษาแพทย์ด้านผิวหน้าก่อนทำการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
ขั้นตอนการทำ skin booster
ขั้นตอนการวิตามินผิวเริ่มต้นด้วยความสะอาดผิวหน้า เพื่อเอาคราบเครื่องสำอาง ฝุ่น และความสกปรกออกจากผิวก่อน จากนั้นจึงทายาชาทั่วบริเวณหน้าแล้วใช้พลาสติกห่อผิวหน้าเพื่อป้องกันการระเหยของตัวยาโดยปล่อยให้พลาสติกทิ้งอยู่บนผิวไว้ประมาณ 30-45 นาที ขั้นตอนต่อมาคุณหมอจะนำเข็มฉีดวิตามินผิวไปลงในใบหน้า โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หลังจากฉีดเสร็จ ใช้ประคบเย็นเพื่อระงับความเจ็บปวดหลังฉีด
หมอจะให้นอนพักหน้าประมาณ 15-30 นาที เพื่อลดอาการหน้าแดงและความรู้สึกแสบร้อน
จากนั้นรับยาแก้อักเสบกลับมาทาที่บ้านแบะสามารถพักฟื้นที่บ้านได้เลย
ข้อดีของการฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิว (Skin booster) เป็นวิธีการที่เร่งผลลัพธ์แห่งการบำรุงผิวได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้ครีมบำรุงผิวทั่วไป การฉีดวิตามินผิวลงในผิวหนังมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องรอพักฟื้น เพราะรอยแดงที่เกิดขึ้นจากเข็มฉีดยานั้นสามารถหายไปภายในสามวัน นอกจากนี้ การฉีดวิตามินผิวยังช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน เช่น ปัญหาสิวและปัญหารูขุมขนกว้าง เป็นต้น
ข้อควรระวังในการฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิวนั้นนอกจากจะมีข้อดีแล้วยังมีข้อเสียที่ต้องคำนึงถึงอย่างใกล้ชิด การฉีดวิตามินผิวเป็นวิธีการบำรุงผิวหน้าระยะสั้น โดยที่ตัวยาจะสลายหายไปภายในสองเดือน จึงทำให้ต้องฉีดบ่อย ๆ การฉีดวิตามินผิวมีข้อควรระวังที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้สารบำรุงที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอาการแพ้ อักเสบ หรือฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้น
การเลือกยี่ห้อหรือแบรนด์ของวิตามินผิวควรคำนึงถึง บริษัทที่นำเข้าและแหล่งผลิตเพื่อความปลอดภัย เพื่อป้องกัยการเกิดอาการแพ้ อักเสบ หรือฟกช้ำ นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการฉีดที่ถูกต้องก็ยิ่งเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงได้
ข้อควรระวังที่สำคัญคือการเลือกใช้วิตามินผิวที่เป็นของแท้เพื่อป้องกันอาการแพ้ อักเสบ หรือฟกช้ำ แนะนำให้ควรตรวจสอบยี่ห้อยาก่อนฉีดวิตามินผิวทุกครั้ง
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดวิตามินผิว?
เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้ผลการฉีดวิตามินผิวเป็นไปได้ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
- หลังฉีดวิตามินผิวไม่ควรนวดผิวทันที ให้ตัวยาแพร่กระจายเองตามผิวหน้า
- หลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิวทันทีหลังทำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองบริเวณรอยเข็ม
- ควรงดทาครีมสิวหรือครีมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณรอยเข็ม ช่วงเวลาอย่างน้อย 1 คืน
- หลังล้างหน้าสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- เมื่อเกิดรอยแดง รอยช้ำจากรอยเข็มในบริเวณจุดที่ฉีด รอยแดงจะหายไปภายใน 1-3 วัน รอยช้ำจะหายไปภายใน 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- ควรฉีดวิตามินผิวเป็นประจำทุกอาทิตย์หรืออาทิตย์เว้นอาทิตย์เพื่อความสม่ำเสมอและเห็นผล ระยะเวลาในการทำ 3 ครั้งขึ้นไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิตามินผิวอยู่ได้นานแค่ไหน?
วิตามินผิวมีประสิทธิภาพยาวนาน 1-2 เดือน เพื่อรักษาผิวหน้าให้สมบูรณ์และกระจ่างใส แนะนำให้ฉีดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม การรักษาผิวให้สวยเต่งตึงยาวนานยังขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาตัวเองอีกด้วย โดยควรเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การถูกแดดจัด ๆ นอกจากนี้ ยังแนะนำว่าควรพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใครบ้าง?
การฉีดวิตามินผิว เป็นการเติมอาหารผิวโดยการฉีดสารบำรุงที่มีประโยชน์ ถ้าถามว่าฉีดวิตามินผิวดีไหม คำตอบที่ตอบได้ คือ จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา การฉีดวิตามินผิวเหมาะกับ
- ผู้ที่ขี้เกียจทาครีมบำรุง แต่ต้องการผลที่ไวกว่าการทาครีม
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง อดนอน ทำงานหนัก
ฉีดวิตามินผิว มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
การฉีดวิตามินผิวถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อย เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว แต่ทั้งนี้ก็อาจมีผลข้างเคียงด้วย เช่น เกิดรอยเข็มตามบริเวณใบหน้าซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างการฉีด รอยเข็มเหล่านี้จะหายไปภายใน 1-3 วันหลังฉีด
ฉีดวิตามินผิว กี่วันเห็นผล?
หลังฉีดวิตามินผิว ผลจะเริ่มปรากฏออกมาในระยะเวลาประมาณ 3 วันหลังฉีด และผลเต็มที่จะเห็นได้ในช่วง 7-14 วัน ประสิทธิภาพของวิตามินผิวจะคงอยู่ในช่วงแรก ๆ ของการฉีด โดยจะฉีดอาทิตย์ละครั้งในเดือนแรก และหลังจากนั้นจะแนะนำให้ฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงที่ วิตามินผิวไม่มีการฉีดแบบถาวร และไม่มีสารที่ตกค้างในร่างกาย
ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี?
หากกำลังตัดสินใจเลือกใช้บริการเพื่อฉีดวิตามินผิว แนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่ให้บริการอย่างมีมาตรฐาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกมีใบอนุญาตที่ถูกต้องและดำเนินงานโดยแพทย์ แพทย์ควรให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิว รวมถึงราคาที่เหมาะสมและควรตรวจสอบตัวยาและกล่องยาก่อนฉีดทุกครั้ง
วิตามินผิวที่ผ่านการรับรองจากอย. นั้น บริษัทที่นำเข้าให้แพทย์เท่านั้นเพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้ยา การซื้อยาวิตามินผิวผ่านช่องทางออนไลน์อาจเป็นยาหิ้วและอาจไม่ปลอดภัยได้
สรุปการฉีดวิตามินผิวจาก Skinserity
การฉีดวิตามินผิว เป็นการฉีดเพื่อผลักสารบำรุงเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึกและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว การเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวนั้นควรเลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน ที่คลินิก Skinserity มีบริการฉีดวิตามินผิวด้วยผลิตภัณฑ์ของแท้ ให้บริการอย่างมีมาตรฐาน สะอาด พร้อมรีวิวจริงจากลูกค้าที่สามารถหาอ่านได้